ขยาย พันธุ์ สะเดา
- วิธีปลูก หลังจากขุดหลุมปลูกแล้ว ตากดินประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อฆ่าเชื้อโรค ในดิน แล้วจึงใส่ปุ่ยร็อคฟอสเฟส รองก้นหลุม อัตรา 150-200 กรัมต่อหลุม หรือครึ่งกระป๋องนม แล้วนำกล้าไม้ที่เตรียมไว้ ย้ายลงปลูก ขนาดกล้าไม้ที่ เหมาะสมควรสูง 8-12 นิ้ว อายุประมาณ 4-5 เดือน ฤดูปลูก ควรเป็นฤดูฝน โดยเลือกปลูกหลังจากวันที่ฝนตกหนัก ฉีกถุงพลาสติกใส่กล้าออก วางกล้าลงตรง กลางหลุม กลบดินและกดรอบๆ โคนต้นให้แน่น การดูแลรักษา, 2556 ระบุว่า 1. การกำจัดวัชพืช ในปีแรกจำเป็นต้องเอาใจใส่กำจัดวัชพืชออกบ้าง เพื่อไม่ให้สูงคลุมเบียดบังแย่งแสง และอาหาร ต้นสะเดา 2. การใส่ปุ๋ย เมื่อกล้าไม้ที่ปลูกตั้งตัวแล้ว ควรเร่งการเจริญเติบโตด้วยการใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 1 ช้อน กาแฟ โดยการ พรวนดินรอบโคนต้น แล้วปุ๋ยตาม 3. การริดกิ่ง หากต้องการให้สะเดามีลำต้นตรงเปลา ใช้ประโยชน์ในการแปรรูปได้มากขึ้น ควรหมั่นริดกิ่งอยู่ สม่ำเสมอ 4.
- ต้นสะเดา - gkolkokogok
- สะเดาเทียม
- ต้นสะเดา
- ต้นสะเดาเทียม ไม้เศรษฐกิจโตเร็ว วิธีการปลูกพร้อมแหล่งจำหน่าย
- ข้อมูลทั่วไป - ต้นสะเดา
ต้นสะเดา - gkolkokogok
สะเดา เป็นไม้โตเร็ว เจริญได้ดีในแถบร้อน ที่มีปริมาณน้ำฝน ตั้งแต่ 400-1, 200 มม. เป็นพืชทน อากาศแห้งแล้งได้ดี สามารถขึ้นได้ในดิน ที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ แต่จะเจริญเติบโตเร็ว ในสภาพดินที่ไม่ชื้นแฉะ และปริมาณน้ำฝนไม่เกิน 800 มม. การขยายพันธุ์สะเดา ใช้วิธีเพาะเมล็ด ซึ่งสามารถทำได้จำนวนมาก เพราะปริมาณของ ผลสะเดามีมากในทุก ๆ ปี แต่ไม่สามารถเก็บเมล็ดไว้ได้นาน เพราะเมล็ดจะสูญเสียเปอร์เซ็นต์ความงอกงามได้เร็วมาก หลังจาก เก็บผล สุกมาและเอาเนื้อออกหมดแล้วล้างเมล็ดให้สะอาด นำไปเพาะทันที จะงอก ได้ดีมาก เมื่อสะเดาเจริญเติบโตจะติดผลเมื่ออายุ 5 ปีขึ้นไป และให้ผลผลิต เต็มที่เมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไปปริมาณของผลสะเดาจะอยู่ระหว่าง 10-50 กก. /ต้น/ ปี ชนิดของสะเดา สะเดา แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ 1. สะเดาอินเดีย มีลักษณะขอบใบหยักเป็นฟีนเลื่อย ปลายของฟันเลื่อยแหลมโคนใบเบี้ยว ปลายใบแหลมเรียวแคบมากคล้ายเส้นขร ผลสุกในเดือน ก. ค. -ส. ค. 2. สะเดาไทย มีลักษณะของใบหยักเป็นฟันเลื่อย แต่ปลายของฟันเลื่อยทู่ โคนใบเบี้ยวแต่กว้างกว่า ปลายใบแหลม ผลสุกในเดือน เม. ย. - พ. ค. 3. สะเดาช้าง หรือต้นเทียม ไม้เทียม ขอบใบจะเรียบ หรือปัดขึ้นลงเล็กน้อย โคนใบเบี้ยว ปลายเป็นติ่งแหลม ขนาดใบและผลใหญ่กว่า 2 ชนิดแรก ผลสุกในเดือน พ.
สะเดาเทียม
ต้นสะเดา
ต้นสะเดาเทียม ไม้เศรษฐกิจโตเร็ว วิธีการปลูกพร้อมแหล่งจำหน่าย
ข้อมูลทั่วไป - ต้นสะเดา
- ต้นสะเดา
- ดงพญาเย็น - Tidtarm
- เนื้อ ผัด พริก สด
- ปลูกแล้ว พิสูจน์ได้ สะเดามันทะวาย เก็บดอกขายตลอดปี - เข้มข้น กับคนข่าวเกษตรตัวจริง
- สะเดาเทียม
- วิธี ดูแล ช่อง ปาก การ์ตูน
- การปลูกสะเดาทะวาย/สะเดานอกฤดู(อ.ทอง ธรรมดา) | รักบ้านเกิด | LINE TODAY
- ขยาย พันธุ์ สะเดา ภาษาอังกฤษ
วิธีปลูก หลังจากขุดหลุมปลูกแล้ว ตากดินประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อฆ่าเชื้อโรค ในดิน แล้ว จึงใส่ปุ่ยร็อคฟอสเฟส รองก้นหลุม อัตรา 150-200 กรัมต่อหลุม หรือครึ่งกระป๋องนม แล้วนำกล้าไม้ที่ เตรียมไว้ ย้ายลงปลูก ขนาดกล้าไม้ที่ เหมาะสมควรสูง 8-12 นิ้ว อายุประมาณ 4-5 เดือน ฤดูปลูก ควร เป็นฤดูฝน โดยเลือกปลูกหลังจากวันที่ฝนตกหนัก ฉีกถุงพลาสติกใส่กล้าออก วางกล้าลงตรง กลางหลุม กลบดินและกดรอบๆ โคนต้นให้แน่น การดูแลรักษา 1. การกำจัดวัชพืช ในปีแรกจำเป์นต้องเอาใจใส่กำจัดวัชพืชออกบ้าง เพื่อไม่ให้สูงคลุม เบียดบังแย่งแสง และอาหาร ต้นสะเดา 2. การใส่ปุ๋ย เมื่อกล้าไม้ที่ปลูกตั้งตัวแล้ว ควรเร่งการเจริญเติบโตด้วยการใส่ปุ๋ยสูตร15-15-15 ประมาณ 1 ช้อน กาแฟ โดยการพรวนดินรอบโคนต้น แล้วปุ๋ยตาม 3. การริดกิ่ง หากต้องการให้สะเดามีลำต้นตรงเปลา ใช้ประโยชน์ในการแปรรูปได้มากขึ้น ควรหมั่นริดกิ่งอยู่ สม่ำเสมอ 4. การป้องกันไฟ ควรทำแนวกันไฟกว้างประมาณ 6-8 เมตร รอบแปลงปลูก เพื่อป้องกันไฟไหม้ ในฤดูแล้ง ใบสะเดา ใบมีสีเขียวเข้มหนาทึบ เมื่ออ่อนมีสีแดง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ยาวประมาณ 15-35 เซนติเมตร มีใบย่อยประมาณ 4-7 คู่ ใบย่อยติดตรงข้ามหรือกิ่งตรงข้าม ลักษณะใบเป็นรูปใบหอกกึ่งรูปเคียวโค้ง กว้างประมาณ 1.
(Sadao Thiam) ชื่อวิทยาศาสตร์ Azadirachta excelsa (Jack) Jacobs ชื่อวงศ์ MELIACEAE ชื่ออื่น เทียม สะเดาช้าง ถิ่นกำเนิด ภาคใต้ของไทย ลักษณะทั่วไป ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10-30 ม. ขนาดทรงพุ่ม 10-15 ม. ผลัดใบ ทรงพุ่มกลม ค่อนข้างแน่น เปลือกต้นสีนํ้าตาลอมแดงหรือเทา ค่อนข้างเรียบหรือแตกหลุดล่อน เป็นแผ่นเล็กๆ ใบ ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงเวียนสลับ แกนกลางใบ ประกอบยาว 20-60 ซม. ใบย่อย 7-12 คู่ เรียงสลับหรือเยื้องกันเล็กน้อย รูปไข่แกมรูปใบหอกกว้าง 3-4. 5 ซม. ยาว 7-15 ซม. ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเบี้ยว ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบบางแต่ค่อนข้างเหนียว และย่นเป็นลอน สีเขียวเข้มเป็นมัน ใบอ่อนสีน้ำตาลแดง ดอก สีขาวอมเขียว มีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงที่ ซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ช่อดอกตั้งยาว 10-15 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกัน กลีบดอก 5 กลีบ รูปซ้อน ปลายมนและโค้งไปข้างหลัง ติดอยู่กับหลอดเกสรตัวผู้โดยโคนกลีบเชื่อมติดกันเกสรเพศผู้ 8-10 อัน เชื่อมติดกันเป็นหลอด เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 1 -1. 2 ซม. ออกดอกเดือน ก. พ. -มี. ค. ผล ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ทรงกลมรี กว้าง 1-2 ซม. ยาว 1. 5-3 ซม. เปลือกหนา สีเขียวเป็นมัน ผลเมื่อสุกสีเหลือง เมล็ดมีเนื้อผล ฉ้ำน้ำ สีขาวขุ่นห่อหุ้ม เมล็ดรูปกลมรี สีน้ำตาลอ่อน ติดผลเดือน เม.
75 - 1 เมตร ความยาวแล้วแต่ สภาพพื้นที่ หว่านเมล็ดให้กระจายทั่วแปลง กลบดิน หนา 0.